รีวิวเกม The War of Mine พร้อมทั้งบทสรุปวิธีการเล่นเกมเบื้องต้น

รีวิวเกม this war of mine

        สวัสดีครับทุกคน  วันนี้ผมกลับมาพร้อมกับรีวิวเกม The War of Mine แล้วยังจะแถมวิธีการเล่นเบื้องต้นด้วยนะครับ  ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้จักว่าเกม The War of Mine เป็นยังไง  ผมก็ขอสรุปง่ายๆ คือ เราจะเล่นเป็นผู้เล่นที่มาบริหาร จัดการ รวมทั้งแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับตัวละครที่เป็นชาวเมือง Pogoren ซึ่งต้องหนีจากภัยสงครามกลางเมืองจนต้องมาหลบอยู่ในที่หลบภัยร่วมกัน  โดยเกมนี้จะให้เราบริหารตัวละครทุกตัวที่เป็นพลเรือน  ไม่ใช่ทหารหรือฝ่ายต่อต้าน  ทำให้ตัวละครเหล่านั้นมีชีวิตรอดให้ได้จนกว่าสงครามจะจบลง  เมื่อจะต้องบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด จนไปถึงขาดแคลนเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับพวกเขาให้มากที่สุด นี่ยังไม่รวมการขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน  อากาศที่หนาวเย็นที่จะทำให้ตัวละครเจ็บไข้ได้ป่วย  กลุ่มโจรที่ออกมาปล้นยามราตรี  กลุ่มทหารที่อาจจะฆ่าเราว่าเห็นเราทำไม่ดี  นี่เป็นส่วนหนึ่งของความโหดร้ายที่จะพบได้จากเกมนี้

       จากที่ฟังมาทำให้บางคนอาจจะรู้สึกว่าเกม The War of Mine ไม่เห็นจะมีอะไรที่น่าสนุกเลย  แต่ผมขอบอกเลยนะครับว่าควรจะลองซื้อเกม The War of Mine มาเล่นดูนะครับ เกมราคาหลักร้อยที่ทำให้ผมเล่นไปแล้วกว่า 40 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับเกมระดับ AAA ราคาหลักพันอย่าง The Witcher 3 : The Wild Hunt ที่ผมเล่นไปได้กว่า 20 ชั่วโมงเท่านั้นเอง  เพราะตัวเกมถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นได้อินกับบทบาทของผู้ที่จะต้องเอาชีวิตรอดในสงครามให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครของเราเจ็บป่วยหรือขาดแคลนอาหาร ถ้าเราไม่ไปขโมยของมาหรือไปปล้นใครมา  เราก็จะอดตาย  หรือมีเพื่อนบ้านมาขอให้เราไปช่วยเฝ้าบ้าน  ถ้าเราไปช่วย  บ้านเราก็มีคนคุ้มกันบ้านได้น้อยลง แต่ถ้าไม่ไปช่วย  วันถัดๆมา เราอาจจะพบว่าเพื่อนบ้านถูกโจรฆ่าตายแล้ว  นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราต้องตัดสินใจที่เราจะพบได้ในเกม The War of Mine  ขอบอกเลยครับ  ว่าถ้าเล่นแล้วจะอินมาก  ขนาดว่าผมเอาตัวละครไปบุกรังโจรแล้วถูกยิงตาย  หรือไปขโมยของจากครอบครัวหนึ่งที่กำลังจะไม่มีของกิน  มันทำให้จิตใจของผมหดหู่ไปเลยว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้นะ  เราจำเป็นด้วยหรือ  รวมถึงความเสียใจที่เกิดขึ้นด้วยว่าการเอาตัวรอดจากสงคราม  มันทำให้เราสูญหายความเป็นมนุษย์ไปเท่าไร

       ส่วนคะแนนที่ผมจะให้กับเกม The War of Mine เมื่อเทียบกับเนื้อหา/เนื้อเรื่อง  ภาพเสียงและกราฟฟิก  ราคาของเกม  ความสนุกสนานและความอินในเกม  ผมขอให้คะแนนไปเลย 9/10 เลยครับ  แนะนำว่าให้ลองซื้อมาเล่นดูครับ  เพราะว่ามันจะทำให้เราอินกับสิ่งที่เกมจะบอกเรามากเลยว่าสงครามมันโหดร้ายแค่ไหน  ไม่ใช่แค่ทหารสู้รบกัน  แต่ประชาชนตาดำๆ นี่ล่ะคือคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด  และเกมนี่สามารถเล่นได้หลายครั้งหลายแบบ เพราะว่าในทุกๆครั้งที่เล่นจะมีทั้งตัวละคร สถานที่ เหตุการณ์ และสถานะการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่างกัน  ทำให้ตัวเกมนั้นมีวิธีการเล่นออกมาได้มากมายหลายรูปแบบ  สร้างความท้าทายที่จะเอาตัวรอดได้ต่างกัน  ส่วนเรื่องภาพและเสียงก็ทำออกมาได้สวยงามดี ภาพก็สวย เนียน แต่ยังมีแอนนิเมชั่นบางจุดที่ยังมีบัคอยู่ (เจอไม่กี่ครั้ง) ส่วนเสียงก็ทำได้แบบว่าเศร้าหดหู่ใจขนาดในบางสถานะการณ์  ซึ่งทำออกมาดีมากในเรื่องนี้  ส่วนราคาบนสตรีมแบบไม่ลดราคาอยู่ที่ 299 บาท ส่วนในมือถือ 425 บาท นะครับ  รอไว้มันลดราคาก่อนค่อยซื้อมาก็ได้  จะได้ประหยัดตังและสนับสนุนเกมแท้ด้วยนะครับ  เอาล่ะสรุปว่าผมแนะนำให้ซื้อเกม The War of Mine ครับ  เป็นเกมหนึ่งที่คุณควรจะลองได้เล่นซักครั้ง  และส่วนต่อไปผมจะได้ทำสรุปวิธีการเล่นเกม The War of Mine เบื้องต้น ไว้นะครับ  รอติดตามกันได้เลย

วิธีการเล่นเกม The War of Mine เบื้องต้น


      เมื่อเข้าไปยังเกม  ตัวเกมจะให้เราทำการสุ่ม/เลือกชุดของตัวละคร (ซึ่งแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกัน) ตั้งแต่ 1 - 3 ตัว แล้วจากนั้นจะตัดฉากไปยังที่หลบภัยของตัวละครต่อไป  โดยเกมจะดำเนินเนื้อเรื่องเป็นวันๆไป โดย 1 วันจะแบ่งออกเป็นช่วงเวลากลางวันและกลางคืน  เราจะสามารถเล่นเวลากลางวันได้ก่อน  พอจบเวลากลางวันแล้วจึงจะสามารถไปเล่นเวลากลางคืนต่อ

วิธีการเล่นช่วงเวลากลางวัน

     - โดยเริ่มมาแต่ละวันมาจะบอกว่าเป็นวันที่เท่าไรและอยู่ในฤดูอะไร  แล้วจึงจะมีการบอกสรุปในแต่ละวันว่ามีเหตุการณ์อะไรขึ้นมาบ้าง เช่น ของที่ได้มาจากการค้นหา  สถานะของตัวละคร การถูกบุกรุก หรือเหตุการณ์ต่างๆ (เราออกไปข้างนอกที่หลบภัยไม่ได้ เนื่องจากมีสไนเปอร์ดักอยู่)
      - จากนั้นจะเป็นการบริหารตัวละครต่างๆ ว่าจะให้ตัวละครทำอะไรบ้าง  ไม่ว่าจะเป็นการเอาตัวละครที่ไปค้นหาของ/เฝ้ายามไปนอนพัก  หายา/อาหาร/สิ่งสร้างความสุขให้ตัวละครได้รับ  การพัฒนาที่หลบภัย/สร้างอุปกรณ์ดำเนินความสะดวกต่างๆ  ค้นหาข้าวของในบ้าน/ใช้ขวานฟันเฟอร์นิเจอร์เพื่อเอาไม้และเชื้อเพลิง  ให้ตัวละครสร้างยา/ปรุงอาหาร/ผลิตอาวุธ  ให้ตัวละครได้ฟังเพลงในวิทยุ/นั่งอ่านหนังสือ สูบบุหรี่หรือกินกาแฟ (ตัวละครจะเดินไปทำเอง) เล่นกีต้าร์ที่เก้าอี้ เพื่อช่วยลดความเครียด  เป็นต้น
     - มีตัวละครมาแลกเปลี่ยนสิ่งของที่หน้าบ้าน เวลาประมาณหลัง 9.00  (ประมาณ 3 วันมาที) ค่อนข้างจะขายแพงนิดนึง  แต่สะดวกตรงไม่ต้องเสียเวลาขนของไปแลก และมีของใช้ต่างๆค่อนข้างหลากหลาย
     - มีเหตุการณ์ที่ NPC มาขอความช่วยเหลือหรือขอความร่วมมือ (เลือกได้ว่าจะทำหรือไม่  แต่มีผลต่อตัวละครและตอนจบของเกม เช่น เราช่วยให้ยาแก่เด็กๆไป  หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ เด็กอาจจะมีของมาตอบแทนเรา และตัวละครบางตัวอาจจะรู้สึกดีขึ้นด้วย)
     - มีตัวละครใหม่มาขออยู่ด้วย ซึ่งจะมาประมาณวันที่ 15 ของการเล่น  เราสามารถเลือกที่จะรับหรือไม่รับเข้ามาอยู่ด้วยได้  ต้องคิดดูให้ดีว่าตัวละครนั้นเอาเข้ามาแล้วคุ้มค่ากับทรัพยากรที่จะต้องใช้เพิ่มหรือไม่ (ทั้งอาหาร/ยา/นิสัยของตัวละคร) ถ้าปฏิเสธก็มีโอกาสที่ตัวละครอื่นจะขอเข้ามาอยู่ด้วยอีก (อาจจะใช้เวลาหลายวัน) ลองคิดดูกันเอาเองว่าเราจะจัดการได้ไหม ซึ่งตัวละครจะอยู่ได้สูงสุด 4 ตัว (ผมเคยเล่นเคย 2 ตัวจนจบเกมได้ ขึ้นอยู่กับการจัดการว่าบริหารยังไง)
     - เมื่อถึงเวลาประมาณ 13.00 แล้วไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือในที่หลบภัยไม่มีอะไรให้เราทำแล้วก็สามารถกด End Day เพื่อจบวันได้เลย ไม่ต้องรอ

วิธีการเล่นช่วงเวลากลางคืน

    - เมื่อจบเวลากลางวันแล้วเกมจะตัดมายังฉากแผนที่และ Plan the night โดยเริ่มแรกเราจะต้องแบ่งหน้าที่ให้ตัวละครต่างๆว่าจะให้ทำอะไรบ้าง  โดยการค้นหาของ (Scavenge) สามารถไปทำได้สูงสุดแค่ตัวละครเดียว (ไม่ไปเลยก็ได้)
     - เลือกตัวละครที่เหลือให้เป็นยาม (Guard) หรือจะให้นอน (Sleep) /นอนบนเตียง (Sleep in Bed) ซึ่งผมแนะนำให้มีคนเฝ้ายามอย่างน้อยหนึ่งคน (ถ้าอยู่ในฤดูโจรก็สัก 2-3 คนก็ได้ตามสภาพที่หลบภัย) ส่วนตัวละครที่เหลือให้นอนพัก ควรจะเป็นตัวละครที่ป่วย (Sick) หรือบาดเจ็บ (Wound) หรือมีความเศร้าใจหรือเสียใจอยู่ (Sad/Depress) หรือเหนื่อย (Tried) ได้นอนพัก ยิ่งเป็นนอนบนเตียงด้วยยิ่งดี
    - การแบ่งหน้าที่ต่างๆ ควรดูที่ความสามารถของตัวละครด้วยว่าตัวละครควรจะเอาไปทำอะไร (เดี๋ยวผมจะเขียนเรื่องความสามารถของตัวละครต่างๆเพิ่มนะครับ) เช่น ตัวไหนเหมาะกับการค้นหาของหรือต่อสู้เก่งก็ให้ไปค้นหาของหรือเฝ้ายาม  ตัวไหนเป็นสายสนับสนุนก็ให้นอนไปเลย  วันถัดไปจะได้ไปทำหน้าที่ของตัวเอง
     - การเลือกสถานที่บนแผนที่ว่าจะให้ตัวละครไปที่ไหน
       1.ดูที่ว่าเราต้องการใช้ของอะไร  โดยแต่ละที่ที่เราจะไปจะมีบอกว่าที่นั้นมีของอะไรบ้างและมีจำนวนมากแค่ไหน เช่น การบอกว่ามีของอะไรจะเขียนว่า Food/Materials/Meds/Weapons/Parts เป็นต้น  ส่วนปริมาณให้ดูคำว่า Some < Lot of < Huge amount of  ต้องการอะไรจำนวนเท่าไรก็เลือกไปตามสถานที่นั้นบอก  เช่น ต้องการยาเยอะๆ ควรไปที่ที่มันบอกว่า Huge amount of Meds นั่นเอง
       2.ควรไปในสถานที่ที่ปลอดภัยก่อนแล้วจึงค่อยๆไล่ความอันตรายขึ้นไป เช่น สถานที่ที่ไม่มีคำเตือน (___) ---> Caution Advised ---> Danger เพราะแต่ละสถานที่มีอันตรายไม่เหมือนกันหรือไม่มีอันตรายเลย  เช่น ไม่บอกอะไรเลยก็น่าจะไม่มีอันตรายเลย  หรือ Caution Advised จะมีอันตราย ถ้าเราไปทำอะไรผิดเงื่อนไขของสถานที่นั้น เช่น ไปที่อู่รถเพื่อแลกเปลี่ยนของได้ แต่ถ้าไปขโมยของแล้วเขาเห็นเมื่อไร  เราโดนไล่ยิงแน่นอน (สถานที่พวกนี้อันตรายไม่มาก แต่ถ้าฆ่า NPC ไป ตัวละครอาจจะรู้สึกผิด)  ส่วน Danger นั่นไปต้องพูดถึงแค่เขาเห็นหน้าเราก็มีโอกาสโดนยิงตายแล้ว ถ้าไปต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งการลอบฆ่าหรือเตรียมปืนพร้อมเครื่องกระสุนไปถล่มพวกมันเลย
       3.การเตรียมอุปกรณ์เสริมไปให้พร้อม เช่น เลื่อย/ชแลง/พลั่ว/ตะไบ/ขวาน เพื่อจะได้เข้าถึงสถานที่นั้นๆได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งไปแต่ละสถานที่ควรจะเตรียมไปให้พร้อมจะได้ไม่ต้องเสียเที่ยวกลับไปเอาใหม่
       4.ถ้าต้องการจะแลกเปลี่ยนสิ่งของกับ NPC ให้ดูคำว่า Possible trade ยิ่งถ้ารู้ว่า NPC ตัวไหนชอบอะไรแล้วจะทำให้เราแลกของมาได้มากกว่าปกติ
     - เมื่อไปถึงสถานที่นั้น  แนะนำให้รีบสำรวจและเคลียร์เส้นทางให้ได้มากที่สุดก่อน และดูว่าตรงไหนที่มีปัญหาเข้าไม่ได้  รอบถัดไปจะได้พกอุปกรณ์มาถูก  ถ้ามีเวลา ให้เอาของแบบเดียวกันมากองไว้ที่เดียวกันจะได้ประหยัดช่องเก็บของและรอบหน้ามาเอาของจะได้ไม่เสียเวลาค้นของทีละกอง โดยแนะนำให้เอาไว้ในที่ที่ครั้งถัดไปมาเอาไปได้สะดวกและขนของที่จำเป็นไปก่อน  และของบางอย่างพวกปืน/ขวาน/ชแลงที่อาจจะจำเป็นต้องใช้เมื่ออีกครั้งในวันหน้าสามารถเอาไปใส่ไว้ได้  ของจะไม่หายไป  แต่ของที่ได้จากการฆ่าโจร/ทหาร/ชาวบ้านให้เก็บมาจากศพก่อน  จากนั้นให้เอาใส่ตู้หรือที่เก็บของไปก่อน  ไม่งั้นมารอบหน้าของหายหมดนะ
       1.กรณีที่เจอเหตุการณ์แบบสุ่ม พยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีและพยายามช่วยเหลือตัวละครนั้นให้ได้ (มีผลต่อตัวละครและ NPC) เช่น เจอสไนเปอร์ดักยิงคนอยู่ที่เขตก่อสร้าง เราสามารถไปช่วยชีวิตคนได้ และถ้าเราจัดการสไนเปอร์ได้  เราจะได้ปืนไรเฟิลแบบติดกล้องมาด้วย หรือเจอชายจรจัดที่บ้านร้างที่กำลังจะอดตาย  ถ้าเรามีอาหารไปให้เขา  หลังจากนั้นสักพักเขาจะหาของใช้ต่างๆมาใส่เพิ่มเติมไว้ที่บ้านนั้น  ทำให้เรามีของใช้มากขึ้น เป็น
       2.กรณีที่เจอโจร   ก็มีความพร้อมและอุปกรณ์ที่เพียงพอก็สามารถฆ่าได้เลย (มีผลบ้างเล็กน้อย)
       3.กรณีที่เจอทหาร  ถ้าไม่จำเป็นที่ต้องการจะฆ่า ก็พยายามหลีกเลี่ยงเอา แต่ถ้าอยากจะบู้ก็ต้องมีมีดหรือปืนแล้วนะ  ไม่กระจอกเท่าพวกโจรแน่นอน
      - เมื่อเคลียร์สถานที่นั้นๆได้แล้ว  รอบถัดๆไป ควรจะเอาตัวละครที่แบกของเยอะได้มาเอาของไป เช่น Boris หรือ Makro หรือ Pavle
      - เวลากลับไปยังที่พัก  ควรจะต้องกลับก่อนเวลาที่ฟ้าสว่างหรือ 5.00 P.M. กะเวลาไปออกไปให้ทันด้วยนะครับ  เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้นตัวละครเราอาจจะกลับมายากยิ่งขึ้นหรือไม่กลับมาเลย  (โดนสไนเปอร์ยิ่งตาย) ถ้ากลับมาจะกลับมาตอนใกล้เที่ยง อาจจะมีบาดแผลกลับมาด้วยขึ้นอยู่กับตัวละครนั้นๆ และอุปกรณ์ที่มี  แต่ก็นะพยายามกลับไปทันดีกว่า  ถ้าตัวละครจะตายมา ก็ไม่คุ้มกันและของที่อยู่กับตัวละครก็จะหายไปเลย


แนวทางการเอาตัวรอดในเกม  The War of Mine

       1.แนวคนดี ไม่ฆ่าใครไม่ขโมยของใคร เน้นที่การแลกเปลี่ยน : ซึ่งแนวนี้ดูแล้วจะเป็นทางที่ดีที่สุด แต่ต้องแลกด้วยการที่การพัฒนาการของสิ่งของต่างๆอาจจะช้ากว่าแบบอื่นๆ  พยายามช่วยเหลือทุกคนเท่าที่จะทำได้  เน้นเอาของไปเทรดซึ่งคนที่เล่นสายนี้ต้องมีความสามารถในการฟาร์มของพอสมควร  ไม่งั้นไม่มีของมาเทรดแน่นอน  แต่ตัวละครก็จะมีความสุขและไม่มีบาดเแผลจากการต่อสู้อีกด้วย

      2.แนวสู้ชีวิต ฆ่าบ้างขโมยของบ้างขายของบ้าง : โดยแนวนี้เป็นแนวที่ผมเล่น  เนื่องจากผมจะให้ตัวละครอยู่รอดให้ได้นานที่สุด  บางครั้งทำให้เราต้องไปฆ่าโจรฆ่าคนไม่ดีบ้าง (ซึ่งตัวละครก็จะบอกความรู้สึกนะ ว่าไม่อยากทำ แต่มันจำเป็น)  เพื่อไปเอาของมา แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม ขโมยของก็เลือกเฉพาะบางสถานที่ที่ไม่ส่งผลกระทบกับตัวละครมากนัก (เช่น ถ้าขโมยของหมดบ้านตายายแก่ๆ หลังจากนั้นจะพบว่าสองคนนั้นได้ตายลงแล้ว) หรือเอาของที่หามาได้หรือสร้างขึ้นมาได้ไปแลกเปลี่ยนกับคนอื่นเพื่อให้ได้ของที่ต้องการมา  แนวนี้จะมีพัฒนาการที่ไวกว่าแนวแรก เพราะจะได้ของต่างๆมามากพอสมควร  แต่ต้องแลกกับความเสี่ยงต่อชีวิตและความรู้สึกหดหู่ของตัวละครด้วย

      3.แนวฮาร์ดคอ ฆ่าเรียบ : แนวนี้มาสายโหดมากเลย  เจอใครฆ่ามันให้หมด  ผมก็ไม่เคยเล่นนะ  แต่คาดว่าจะทำให้พัฒนาการและทรัพยากรที่ได้นั้นมีอย่างมหาศาลอย่างแน่นอน  ซึ่งทำให้จะมีพัฒนาการที่รวดเร็วมาก แต่สิ่งสำคัญที่ต้องแลกมา คือ สภาพจิตใจของตัวละครว่าจะแย่แค่ไหน  แถมยังเสี่ยงทำให้ตัวละครตายอีกด้วย  และการฆ่าบางตัวละครอาจจะทำให้เสียตัวละครแลกเปลี่ยนสิ่งของไปอีกด้วย (ถ้าเล่นแนวนี้ ต้องมาวิธีทำให้ตัวละครไม่รู้สึกแย่ไว้ให้พร้อม  ไม่งั้นมีบ้านแตกแน่นวล)

       4.แนวอินดี้ : จะเล่นยังไงก็ได้ตามใจเรา  แค่เอาตัวรอดไปวันๆก็ได้  555+  แรกๆก็เล่นแบบนี้  ฟาร์มของอย่างเดียวเลย  พอของหมดก็ไปแลกมา  พอไม่มีของแลกก็ไปขโมยของมา  พอขโมยไม่ได้ก็ไปฆ่าเพื่อแย่งของมา  สุดแท้แต่สภาพของสมาชิกที่จะต้องให้พวกเขารอดให้ได้นั่นเอง

      ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ของเกม  เดี๋ยวผมจะพยายามอัพเดทลิ๊งค์ไว้ด้านล่างนี้นะครับ  ไม่อยากให้บทความมันยาวเกินไป  หวังว่าแฟนคลับหรือคนที่อยากเล่นเกม The War of Mine จะมาติดตามกันนะครับ
Previous
Next Post »